
มะละกอพันธุ์ฮอลแลนด์ เป็นอีกพันธุ์ของมะละกอที่นิยม จริงๆแล้ว มะละกอ มีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลาง ถูกนำเข้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในสมัยกรุงศรีอยุธยา คนไทยนิยมทานส้มตำโดยมีมะละกอคือส่วนประกอบหลักที่ขาดไม่ได้ ดังนั้นแล้วทำให้ความต้องการมะละกอในแต่ละวันจึงมีสูงมาก โอกาสสำหรับพืชชนิดนี้จึงมีสำหรับคนที่ปลูกได้ทั้งปริมาณและคุณภาพ มะละกอพันธุ์ฮอลแลนด์ เป็นที่นิยมของตลาด ใครสนใจอยากจะลองปลูกบ้าง บางกอกทูเดย์เรามีวิธีปลูกมาแนะนำ
วิธีการปลูกมะละกอฮอลแลนด์
มะละกอฮอลลแลนด์ ดินที่เหมาะสำหรับปลูก ดินร่วนปนทราย ถ้าดินเหนียวมากไป หรือดินไม่ค่อยดี ก็ควรปรับปรุงดินให้ดีขึ้นก่อน โดยใช้ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก มะละกอฮอลแลนด์ไม่ชอบน้ำขัง ส่วนมากแล้วนิยมปลูกโดยใช้วิธีการเพาะเมล็ดแล้วย้ายกล้าลงแปลงปลูก ซึ่งต้นกล้าที่ย้ายลงปูกได้มีอายประมาณ 1 เดือน มะละกอพันธุ์ฮอลแลนด์ จะมีลำต้นใหญ่สีเขียว ใบมี 11 แฉกใหญ่ กลางใบมีกระโดงใบ 1 ใบ ก้านใบมีสี เขียวตั้งขึ้น ดอกออก เป็นช่อ ติดผลดก รูปทรงกระบอกคล้ายลูกฟักอ่อน น้ำหนักของผลมะละกอจะหนักประมาณ 8 ขีด ถึง 2 กิโลกรัม ไม่มีกลิ่นยาง เนื้อหนา รสหวาน เปลือกหนา ทนทานต่อโรค ทนทานต่อการขนส่งให้ผลดก เนื้อแน่นแข็ง น้ำหนักดี รสชาติหวาน ทนทานต่อโรค และที่สำคัญ….คือเป็นที่ต้องการของตลาด ส่วนจะทำตลาดยังไง ขายที่ไหนนั้น ก็สุดแท้แต่เจ้าของธุรกิจ มะละกอ กันเลยนะครับ
วิธีการเพาะเมล็ดมะละกอ ทำได้ง่ายๆ ตามขั้นตอนนี้ ส่วนใครที่ไม่อยากจะทำเอง อยากจะข้ามขั้นตอนไปเลย แนะนำให้เลือกซื้อพันธุ์หรือต้นกล้าที่พร้อมลงหลุมปลูกมาปลูกเลยครับ ราวๆต้นละ 10-15 หรือแล้วแต่จะต่อรองกันได้
การเพาะมะละกอด้วยเมล็ด
1. นำเมล็ดมะละกอแช่น้ำ 3 คืน โดยเปลี่ยนน้ำที่แช่บ่อยๆ อย่างน้อยวันละ 3 ครั้ง
2. นำเมล็ดมะละกอมาเพาะในถุงดินที่เตรียมไว้โดยให้ใส่ 3-4 เมล็ด/ถุง
3. รดน้ำให้ชุ่ม ประมาณ 9-10 วัน เมล็ดก็จะงอก
4. ทำการรดน้ำพอชุ่มวันละ 1 ครั้ง
ขั้นตอนการเตรียมดินและปลูกมะละกอ
1. ทำการเตรียมพื้นที่ โดยการไถ ทำการตากดินไว้ประมาณ 5 วัน ถึง 1 สัปดาห์
2. ขุดหลุมลึกประมาณ 30 – 50 ซม. โดยความกว้าง ลึก ยาว เท่าๆกัน เช่น 50x50x50 ระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 2×2 เมตร หรือ 2.5X 2.5 เมตร 1 ไร่ จะปลูกได้ ราวๆ 400 สำหรับ 2×2 เมตร และประมาณ 25ุ6 ต้น สำหรับ 2.5×2.5 เมตร และรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์
3. นำต้นมะละกอปลูกในหลุม กลบดินให้แน่น
การดูแลรักษามะละกอ
1. รดน้ำพอชุ่ม
2. ใส่ปุ๋ยสูตรผสม 12-15-20 โดยระยะการให้ปุ๋ยคือ 1 เดือน/ครั้ง
3. หลังจากที่ลงปลูกมะละกอไปได้ประมาณ 3 เดือน มะละกอทั้ง 3 ต้นที่อยู่ในหลุมเดียวกันจะเริ่มออกดอก ให้ทำการตัดต้นที่เป็นตัวผู้และตัวเมียทิ้ง เหลือไว้แต่ ต้นกะเทย [กลีบดอก ที่มีทั้งเกสรตัวเมียและตัวผู้อยู่ในดอกเดียวกัน] เนื่องจากต้นกะเทยจะให้ผลที่ดก และลูกมะละกอที่ออกมาจะยาวสวย เนื้อหนากว่าต้นที่เป็นตัวเมียและตัวผู้
เทคนิคเลือกต้นมะละกอฮอลแลนด์ให้ได้ผลิตดี เป็นที่ต้องการ ต้นมะละกอที่ให้ผลผลิตดี และเป็นที่ต้องการของตลาดมากที่สุด ก็คือมะละกอที่ออกจากต้นสมบูรณ์เพศ หรือเรียกอีกว่า ต้นกระเทย
แสดงจำนวนต้นต่อหลุมกับอัตราส่วนต้นเพศเมียและต้นสมบูรณ์เพศ
- จำนวน 1 ต้นต่อหลุม จะได้ต้นเพศเมีย 33.33 % ต้นสมบูรณ์เพศ 66.67 %
- จำนวน 2 ต้นต่อหลุม จะได้ต้นเพศเมีย 11.11 % ต้นสมบูรณ์เพศ 88.89 %
- จำนวน 3 ต้นต่อหลุม จะได้ต้นเพศเมีย 3.70 % ต้นสมบูรณ์เพศ 69.30 %
- จำนวน 4 ต้นต่อหลุม จะได้ต้นเพศเมีย 1.23 % ต้นสมบูรณ์เพศ 98.77 %
แต่ในทางปฏิบัติใช้ต้นปลูก 2 ต้นต่อหลุมก็พอครับ เพราะในหนึ่งร้อยหลุมหลังจากตัดต้นตัวเมียออกจะเหลือต้นสมบูรณ์เพศเท่ากับ 88.89 x 2 = 176 ต้น ทำให้ได้ผลผลิตขายมากขึ้นด้วย….(ขอบคุณ อ้างอิงที่มาจาก http://papaya-trip.blogspot.com/2011/09/99.html) ยังไงลองพิสูจน์ดูได้ครับ นอกจากนี้แล้วผลผลิตยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นด้วย
4. มะละกอ ในช่วงปลูกใหม่ ๆ ควรให้น้ำกับต้นกล้ามะละกอจนกว่าจะตั้งตัวได้ โดยรดน้ำ 2-3 วันต่อครั้ง ช่วงที่มะละกอออกดอกติดผลเป็นช่วงที่ต้องการน้ำมาก การขาดน้ำจะทำให้ดอกร่วง ผลร่วง ผลไม่สมบูรณ์ การให้น้ำกับต้นมะละอกอย่างสม่ำเสมอจึงทำให้มะละกอมีผลผลิตสูง ดังนั้นแล้วช่วงนี้ต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะมีผลต่อการให้ผลผลิตมะละกอ จะได้ผลตอบแทนมากน้อย ช่วงนี้สำคัญมาก…
5. หลังจากต้นมะละกออายุได้ 7-8 เดือน ก็จะสามารถเก็บผลขายได้ ไปจน 2 ปีครึ่ง ถึง 3 ปีขึ้นอยู่กับการรักษาดูแล ต้นมะละกอจึงจะหมดอายุ ไม่สามารถให้ผลผลิตได้ ต้องตัดทิ้ง ปลูกใหม่
วิธีการเก็บเกี่ยวมะละกอฮอลแลนด์
ให้เลือกเก็บเฉพาะผลที่สุก 5-10 เปอร์เซ็นต์ คือ ผิวมีแต้มสีเหลืองเล็กน้อย อายุต้นระมาณ 7-8 เดือนก็สามารถเก็บผลมะละกอจำหน่ายได้ โดยสังเกตดูที่ผลหากมีแต้มปรากฏอยู่บนผล 2-3 แต้มก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ การเก็บมะละกอจากต้นควรใช้มีดหรือกรรไกรตัดให้ติดต้น ไม่ควรใช้มือบิด วางมะละกอโดยมีวัสดุรองรับเช่นกระดาษหลายๆชั้นหรือกล่องที่ออกแบบมาแล้ว ระวังอย่าให้ยางติดลูกมะละกอ การเคลื่อนย้ายต้องระวังผลเพราะเกิดรอยและช้ำง่าย ส่วนเรื่อง ราคามะละกอ จะดีมากตอนช่วง สิงหาคม-กันยายน การให้ผลิตควรได้ประมาณ 5 ตันต่อไร่ขึ้นไป ต้นทุนการปลูกก็ประมาณ 20,000 บาทต่อไร่
ราคามะละกอฮอลแลนด์ ณ. วันที่ 1 กันยายน 2558 ราคา 25 บาท ต่อกิโลกรัม ที่มาจาก www.taladsrimuang.com
ตลาดของมะละกอ
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า มะละกอพันธุ์ฮอลแลนด์ เป็นที่ต้องการของตลาด เป็นมะละกอที่ใช้อ้างอิงราคา สำหรับตลาดในประเทศไทยมีความต้องการสูง เพราะคนไทยนิยมบริโภค โดยเฉพาะมะละกอดิบ ส่วนเรื่องการขาย การทำตลาดนั้น ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ประกอบการ แต่จากมุมมองของทีมงานบางกอกทูเดย์ของเรา มองว่า..นอกจากเรื่องของราคาและการผลิตแล้ว การที่จะทำให้มีกไรมากที่สุดควรมีเทคโนโลยี กระบวนการปลูก การเคลื่อนย้ายผลิตที่ดี จะทำให้ลดต้นทุน เพราะเป็นอีกทางที่สามารถเพิ่มกำไรได้แม้ยอดขายได้เท่าเดิม..ดังนั้นแล้วผู้ประกอบการควรพัฒนา วิจัย ตลอดเวลา รวมถึงการปรับสัดส่วนการขาย ทั้งมะละกอดิบ สุก หรือแปรรูป เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างยอดขายได้สูงขึ้น และเนื่องจากมะละกอ มีประโยชน์รอบด้าน ทั้งต้น และผล ถ้ามีการวางแผนการผลิตที่ดีแล้ว..โอกาสประสบความสำเร็จอยู่ใกล้แค่เอื้อมแน่นอน
ขอบคุณที่มาภาพ www.มะละกอฮอลแลนด์.com(เว็บจำหน่ายพันธุ์มะละกอ)
อ้างอิงจาก muang.kaset-surin.com ,www.มะละกอฮอลแลนด์.com ,www.papaya-trip.blogspot.com,th.wikipedia.org,www.taladsrimuang.com
เรียบเรียงโดย BangkokToday.net
Leave a Reply