ทฤษฎี 6 jars เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงิน จัดการเงินให้มีประสิทธิภาพ
ทฤษฎี 6 jars เป็นวิธีจัดการเงินที่คิดค้นโดย T. Harv Eker นักพูดและนักเขียนด้านการเงินชาวแคนาดา แนวคิดหลักของทฤษฎีนี้คือการแบ่งเงินออกเป็น 6 ส่วนตามวัตถุประสงค์ ดังนี้
- ค่าใช้จ่ายที่จำเป็น (Necessities) 55%
- เป้าหมายระยะสั้น (Short-Term Goals) 10%
- เป้าหมายระยะยาว (Long-Term Goals) 10%
- การลงทุน (Investments) 10%
- ความสนุกสนาน (Fun) 10%
- ช่วยเหลือผู้อื่น (Giving) 5%
โดยแต่ละคนสามารถปรับสัดส่วนได้ตามความต้องการและเป้าหมายของตนเอง เช่น หากต้องการเกษียณอายุเร็วขึ้น ก็อาจเพิ่มสัดส่วนเงินออมเพื่อการเกษียณอายุมากขึ้น หรือหากต้องการไปเที่ยวบ่อยๆ ก็อาจเพิ่มสัดส่วนเงินสำหรับความท้าทายให้มากขึ้นได้นะคะ
ทฤษฎี 6 jars เป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการจัดการเงิน ช่วยให้เราสามารถแบ่งเงินออกเป็นส่วนต่างๆ ตามวัตถุประสงค์ และทำให้แน่ใจว่าเรามีเงินเพียงพอสำหรับใช้จ่ายในสิ่งที่เราต้องการและต้องการ
เคล็ดลับเพิ่มเติมในการปฏิบัติตามทฤษฎี 6 jars
- ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้
- แบ่งเงินออกเป็นส่วนต่างๆ ตามเป้าหมาย
- บันทึกการใช้จ่ายของคุณ
- ตรวจสอบยอดเงินในโหลของคุณเป็นประจำ
- ปรับแผนของคุณตามความจำเป็น
ด้วยการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ คุณจะสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินของคุณได้อย่างแน่นอน
ประโยชน์ของการใช้ทฤษฎี 6 jars
- ช่วยให้คุณมีวินัยทางการเงินมากขึ้น
- ทำให้คุณรู้ว่าเงินของคุณถูกนำไปใช้อย่างไร
- ช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้เร็วขึ้น
- ทำให้คุณรู้สึกมีความมั่นคงทางการเงินมากขึ้น
- ทำให้คุณมีความสุขมากขึ้น
วิธีใช้ทฤษฎี 6 jars
หากต้องการใช้ทฤษฎี 6 jars เริ่มต้นด้วยการตั้งเป้าหมายทางการเงินของคุณ อาจเป็นเป้าหมายระยะสั้น เช่น ซื้อบ้านใหม่ ซื้อรถใหม่ หรือไปเที่ยวต่างประเทศ หรืออาจเป็นเป้าหมายระยะยาว เช่น เกษียณอายุเร็วขึ้น มีเงินเก็บไว้ให้ลูกหลาน หรือช่วยเหลือผู้อื่น
เมื่อคุณตั้งเป้าหมายได้แล้ว แบ่งเงินออกเป็นส่วนต่างๆ ตามวัตถุประสงค์ ตัวอย่างเช่น
- ค่าใช้จ่ายที่จำเป็น เช่น ค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าเดินทาง ค่าสาธารณูปโภค ค่าการศึกษา
- เป้าหมายระยะสั้น เช่น เงินดาวน์บ้าน เงินดาวน์รถ เงินเก็บไว้ไปเที่ยวต่างประเทศ
- เป้าหมายระยะยาว เช่น เงินออมเพื่อการเกษียณอายุ เงินออมไว้ให้ลูกหลาน เงินบริจาคเพื่อการกุศล
- การลงทุน เช่น หุ้น กองทุนรวม อสังหาริมทรัพย์
- ความสนุกสนาน เช่น กินข้าวนอกบ้าน ไปเที่ยว ซื้อของขวัญให้ตัวเอง
- ช่วยเหลือผู้อื่น เช่น บริจาคเงินให้องค์กรการกุศล ช่วยเหลือคนยากจน
จากนั้นให้ทำบัญชีรายรับรายจ่ายของคุณ บันทึกรายได้และรายจ่ายของคุณในแต่ละเดือน เพื่อให้คุณรู้ว่าเงินของคุณถูกนำไปใช้อย่างไร
สุดท้าย ตรวจสอบยอดเงินในโหลของคุณเป็นประจำ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณกำลังบรรลุเป้าหมายทางการเงินของคุณ หากคุณพบว่ายอดเงินในโหลใดโหลหนึ่งไม่เพียงพอ ให้ปรับแผนของคุณตามความจำเป็น
ข้อควรระวัง : การใช้ทฤษฎี 6 jars เพียงแค่คุณมีเป้าหมายที่มั่นคง ไม่ใช้เงินเกินตัว ก็พบกับความมั่งคั่งที่ยั่งยืนแล้วนะคะ
- อย่าใช้จ่ายเงินเกินจำนวนที่แบ่งไว้ในแต่ละโหล
- อย่านำเงินจากโหลหนึ่งมาใส่ในโหลอื่นโดยไม่จำเป็น
- อย่าลืมปรับแผนของคุณตามความจำเป็น
หากคุณปฏิบัติตามข้อควรระวังเหล่านี้ การใช้ทฤษฎี 6 jars จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางการเงินของคุณได้อย่างแน่นอน อย่าลืมติดตามกันด้วยนะคะ เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารดีๆนะคะ
อ่านข่าวสาร การลงทุนเพิ่มเติม คลิ๊ก
รับชมคลิปสาระน่ารู้ คลิ๊ก