กะหล่ำปลี พืชเศรษฐกิจอีกชนิดที่น่าสนใจมาก เพราะเป็นส่วนประกอบของอาหารหลายอย่าง ทำให้มีความต้องการสูงต่อเนื่อง กะหล่ำปลีนั้น มีอยู่หลายชนิดด้วยกันได้แก่ กะหล่ำปลีธรรมดา เช่น พันธุ์ โคเปนเฮเกน มาร็เก็ต และพันธุ์โกลเดน เอเคอร์ กะหล่ำ ปลีแดง จะมีลักษณะ ใบเป็นสีแดงทับทิม และกะหล่ำปลีใบย่น จะมีผิวใบหยิกย่น โดยมีวิธีการดูแลดังนี้
การปลูกกะหล่ำปลีขาย
ปลูกกะหล่ำปลีขาย ที่ BangkokToday.net นำมาให้ศึกษากันนี้ได้เรียบเรียงสรุปมาให้สั้นๆเข้าใจง่าย เพื่อใช้เป็นแนวทางสำรับคนที่สนใจปลูกแต่เรื่องการการจะได้ผลอย่างรนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆด้วย เรานำเสนอเพื่อเป็นอีกช่องทางการสร้างรายได้จากผืนดินที่มีอยู่ น่าจะสร้างประโยชน์และมูลค่าของที่ดินหรือพืชสวนไร่นาต่างๆที่ทำอยู่หากปลูกผสมเข้าไป ก็จะช่วยลดความเสี่ยง เพิ่มช่องทางรายได้ให้มากขึ้น ลดการพึ่งรายได้จากเกษตรทางเดียวหรือน้อยทาง
เริ่มต้นปลูกกะหล่ำปลีขายกันเลย…
@การเตรียมดินสำหรับปลูกกะหล่ำปลี ไถพรวนดินลึกประมาณ 30-40 เซนติเมตร ตากดินไว้ 7-14 วัน ย่อยดินให้ละเอียด หว่านปูนขาว ในอัตราส่วน 100-300 กิโลกรัม / ไร่ จากนั้นใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 2,000 กิโลกรัม / ไร่ ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 30 กิโลกรัม /ไร่ พรวนดินอีกครั้ง ให้เข้ากัน ก่อนปรับดินให้เรียบ พร้อมยกแปลงสูง 30 เซนติเมตร x กว้าง 1.20 เมตร x ความยาวตามพื้นที่
@วิธีปลูก เริ่มจาก การเพาะกล้า หลังเตรียมแปลง เสร็จให้หว่านเมล็ดกะหล่ำปลีให้กระจายทั่วแปลง หรืออาจจะทำร่องลึกประมาณ 1 เซนติเมตร ห่างกันแถวละ 15 เซนติเมตร แล้วโรยเมล็ดลงในร่องแล้วหว่านกลบเมล็ดด้วยปุ๋ยหมักหรือดินละเอียด หนาประมาณ 0.5-1. 0 เซนติเมตร จากนั้นรดน้ำให้ชุ่มแล้วคลุมด้วยฟางแห้งหรือหญ้าแห้งบางๆ หลังจากต้นกล้างอกได้ 15-20 วัน ให้เลือกถอนต้นที่ไม่สมบูรณ์ออกและให้ทิ้งระยะห่างต้น 10 เซนติเมตร จนกระทั่งอายุประมาณ 25-30 วัน จึงย้ายไปปลูก
การปลูก หลังจากเตรียมแปลงปลูกตามวิธีข้างต้นแล้วให้เริ่มขุดหลุมปลูกระยะห่างระหว่างต้น 50-70 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างแถว 100-120 เซนติเมตร จากนั้นนำต้นกล้าที่แข็งแรงย้ายจากแปลง เพาะลงปลูก โดยขณะย้ายควรใช้ดินติดรากมาด้วยและต้องระวังไม่ให้รากขาดแล้วรีบนำลงปลูกแล้วกดดินรอบโคนให้แน่นทันทีก่อนรดน้ำให้ชุ่ม
วิธีการดูแลรักษา
@การให้น้ำ ควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ วันละ 1-2 ครั้ง ในระยะแรกให้รดน้ำด้วยการฉีดเป็นฝอยในช่วงเช้าและเย็นทุกวัน จนกระทั่งหัวเริ่มเข้าปลีให้ลดปริมาณการรดน้ำลงเพื่อป้องกันไม่ให้หัวปลีแตกง่าย
@การใส่ปุ๋ย หลังจากปลูกได้ 15 วัน ควรใส่ปุ๋ย หมักชีวภาพ 1 กำมือ / ต้น รดน้ำผสมน้ำหมักชีวภาพให้ชุ่มเพื่อให้ใบสวยงาม ร่วมกับการใส่ปุ๋ย 46-0-0 อัตรา 30 กิโลกรัม/ไร่ หลังจากย้ายปลูก 7-10 วัน จากนั้นเมื่ออายุครบ 20 วัน ให้ใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 หรือ 16-16-16 อัตรา 50 กิโลกรัม / ไร่ และหลังการปลูก 40 วัน (ก่อนกะหล่ำปลีเข้าหัว) ควรใส่ปุ๋ย 13-13-21 หรือ 14-14-21 อัตรา 50 กิโลกรัม / ไร่และควรฉีดพ่นปุ๋ยที่มีธาตุโบรอนผสมหรือพ่นธาตุโบรอนอย่างเดียวในอัตรา 10-12 กรัม / น้ำ 20 ลิตรเป็นครั้งคราว
@การป้องกันและกำจัดศัตรูพืช เมื่อมีวัชพืชขึ้นต้องกำจัดเสีย เพราะวัชพืชเหล่านี้จะแย่งน้ำและปุ๋ยจากกะหล่ำปลี ที่ปลูกได้ หรือเมล็ดสะเดา บด 1 กิโลกรัม ข่าแก่ 1 กิโลกรัม ตะไคร้หอม 1 กิโลกรัม สับทุกอย่างเข้าด้วยกันและตำให้ละเอียด แช่น้ำ 20 ลิตร แล้วหมักทิ้งไว้ 1 คืน จากนั้นให้กรองเอาแต่น้ำยาผสมกับน้ำ 1:20 ฉีดพ่นช่วงเย็นทุกๆ 3 วัน นอกจากนี้ ควรผสมผงซักฟอกเล็กน้อย ลงไปด้วยเพื่อช่วยให้น้ำยากจับใบ หรืออาจจะทำให้น้ำหมักชีวภาพสูตรสมุนไพรผสมน้ำ 1:5000 รดทุกๆ วันก็ได้ นอกจากนี้อาจปลูกกระเทียม ดาวเรือง และผกากรอง แซมในแปลงผักเพื่อไล่แมลงและหนอนด้วยก็ได้
วิธีการเก็บเกี่ยว อายุการเก็บเกี่ยวของกะหล่ำปลีจะขึ้นอยู่กับลักษณะของแต่ละพันธุ์ อย่างเช่นพันธุ์เบาสามารถเก็บเกี่ยวได้ตอนอายุประมาณ 50-60 วัน ส่วนพันธุ์หนัก จะมีอายุประมาณ 120 วันโดยใช้มีดคมตัดที่บริเวณ ส่วนโคน ซึ่งกะหล่ำปลีจะมีน้ำหนักประมาณ 1-2 กิโลกรัม / ต้น
กะหล่ำปลี หรือ ชื่อวิทยาศาสตร์ Brassica oleracea L.var . capitata L. สำหรับใครที่สนใจอยากจะทำธุรกิจเกษตร กะหล่ำปลี ก็น่าจะเป็นอีกตัวเลือกที่ดี กะหล่ำปลี เป็นพืชล้มลุกที่ปลูกในประเทศไทยได้ดีในช่วงฤดูหนาวทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือเดือนพฤศจิกายน –ธันวาคม ซึ่งหลังจากมีผู้นิยม บริโภคกันโดยทั่วๆไป จึงมีการนำพันธุ์กะหล่ำปลีทนร้อนเข้ามาปลูก จนในปัจจุบัน สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี
อ่านไว้เพิ่มจะเอาไปปลูก แต่ไม่ไดเปลูกขายคับ ปลูกเปงผักเอาไว้กินในบ้านอย่างอื่นปบูกละแต่เหลือแต่กะหบ่ำปลีเนี่ย