First Jobber : การจัดสรรเงินเดือน สำหรับเด็กจบใหม่ ในบริบทของตลาดแรงงานไทย คำว่า first jobber มักใช้เรียกเด็กจบใหม่จากมหาวิทยาลัยที่เพิ่งเริ่มทำงานเป็นครั้งแรก โดยเด็กจบใหม่เหล่านี้จะมีอายุประมาณ 22-25 ปี ซึ่งถือเป็นช่วงวัยที่มีศักยภาพในการทำงานสูง เนื่องจากมีทักษะความรู้และความคิดสร้างสรรค์ที่พร้อมจะนำมาใช้ในการทำงาน การเริ่มต้นทำงานเป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเด็กจบใหม่ นอกจากจะปรับตัวให้เข้ากับการทำงานแล้ว ยังต้องเรียนรู้ที่จะบริหารจัดการเงินเดือนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้มีเงินเหลือใช้สำหรับการใช้จ่ายและเก็บออมในอนาคต
การจัดสรรเงินเดือนสำหรับเด็กจบใหม่ สามารถทำได้ตามหลักการ 50-30-20 คือ
- 50% สำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็น เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าที่อยู่อาศัย ค่าน้ำ ค่าไฟ เป็นต้น
- 30% สำหรับค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เช่น ค่าเสื้อผ้า เครื่องสำอาง ของใช้ส่วนตัว การท่องเที่ยว เป็นต้น
- 20% สำหรับการลงทุนหรือออมเงิน เช่น เงินสำรองฉุกเฉิน กองทุนรวม ประกันชีวิต เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนการจัดสรรเงินเดือนอาจปรับเปลี่ยนได้ตามความจำเป็นและเป้าหมายของแต่ละคน เช่น หากมีภาระค่าใช้จ่ายเยอะ เช่น ค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ ค่าเล่าเรียนบุตร เป็นต้น อาจปรับสัดส่วนค่าใช้จ่ายที่จำเป็นให้มากขึ้น หรือหากมีเป้าหมายในการออมเงินเพื่อซื้อบ้านหรือซื้อรถ อาจปรับสัดส่วนการลงทุนหรือออมเงินให้มากขึ้น
เคล็ดลับการจัดสรรเงินเดือนสำหรับเด็กจบใหม่
- ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย เพื่อติดตามและตรวจสอบค่าใช้จ่ายอย่างละเอียด จะช่วยให้เห็นภาพรวมของการเงินและสามารถวางแผนการใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ตั้งเป้าหมายการออม เพื่อให้มีแรงจูงใจในการออมเงิน เป้าหมายควรมีความเป็นไปได้และสอดคล้องกับรายได้ เช่น ตั้งเป้าหมายออมเงิน 10% ของเงินเดือนทุกเดือน
- เริ่มต้นออมตั้งแต่วันนี้ ถึงแม้เงินเดือนจะน้อย แต่หากเริ่มออมตั้งแต่วันนี้ เงินออมจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเวลาผ่านไป
ตัวอย่างการจัดสรรเงินเดือนสำหรับเด็กจบใหม่
สมมติว่าเด็กจบใหม่คนหนึ่งมีเงินเดือน 15,000 บาท สามารถใช้หลักการ 50-30-20 ในการแบ่งเงินเดือนได้ดังนี้
- ค่าใช้จ่ายที่จำเป็น 50% ของเงินเดือน เท่ากับ 7,500 บาท
- ค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น 30% ของเงินเดือน เท่ากับ 4,500 บาท
- การลงทุนหรือออมเงิน 20% ของเงินเดือน เท่ากับ 3,000 บาท
การใช้จ่ายในแต่ละหมวดหมู่
- ค่าใช้จ่ายที่จำเป็น
- ค่าอาหาร 2,500 บาท
- ค่าเดินทาง 1,000 บาท
- ค่าที่อยู่อาศัย 2,000 บาท
- ค่าน้ำ ค่าไฟ 500 บาท
- ค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
- ค่าเสื้อผ้า 500 บาท
- ค่าเครื่องสำอาง 500 บาท
- ค่าของใช้ส่วนตัว 500 บาท
- ค่าท่องเที่ยว 2,000 บาท
- การลงทุนหรือออมเงิน
- เงินสำรองฉุกเฉิน 2,000 บาท
- กองทุนรวม 1,000 บาท
การจัดสรรเงินเดือนอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้เด็กจบใหม่มีการเงินที่มั่นคงและบรรลุเป้าหมายทางการเงินในอนาคต ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก JobDB ด้วยนะคะ